ประวัตินักบอล Frenkie De Jong ความท้าทายที่ไม่ยอมแพ้ เพื่อให้โลกจารึก พรสวรรค์ พรแสวง ที่พร้อมทะยานเข้าหาดวงดาว

ประวัตินักฟุตบอล Frenkie De Jong ความท้าทายที่ไม่ยอมแพ้ เพื่อให้โลกจารึก พรสวรรค์ที่พร้อมแตะดวงดาว
ประวัตินักฟุตบอล Frenkie De Jong ครั้งแรกที่ ไบรอัน เห็นเด็กคนนี้ ตอนเริ่มมีชื่อเสียง ไล่มาตั้งแต่อยู่ ชุดเยาวชน ของ Ajax Amsterdam หรือ รู้จักกันในนาม Jong Ajax จวบจน ติดชุดเยาวชน ทีมชาติฮอลแลนด์ ทุกชุด ไบรอัน หลงเสน่ห์การเล่นของเด็กคนนี้อย่างมาก บทความกีฬาที่น่าสนใจ
ด้วยลีลาที่ มีการผสมผสาน ระหว่าง Street Soccer กับ การเล่นบอล 11 คน อย่างเห็นได้ชัด และ กลมกลืน ถึงแม้จะมีข้อด้อยอยู่บ้าง ใรเรื่องการ จบสกอร์ หรือ เมื่อทะลุทะลวงขึ้นไปได้แล้ว ดูเจ้าตัวจะหา
คนที่เล่นอย่างเข้าใจ ในแนวคิดเดียวกันกับตัวเขายาก ถึงแม้ปัจจุบัน จะเล่นให้กับสโมสรที่ขึ้นชื่อ เรื่องการต่อบอล อย่าง Barcelona ก็ตามแต่ จนทำให้ปัจจุบัน ตำแหน่งของเจ้าตัวในทีม ก็ดูจะไม่มั่นคง และ สั่นคลอน ตามวิถีของโลกฟุตบอล
เดอ ยอง สำหรับไบรอัน ไม่สามารถจะระบุชี้ชัด ลงไปได้ว่า นักเตะลักษณะนี้ จะเรียกว่า พรสวรรค์ หรือ พรแสวง เพราะเป็นอีกคนที่ ทีมชาติฮอลแลนด์ สร้างขึ้นมา ให้ไบรอัน สัมผัสถึงความเป็น ศิลปิน มากกว่าแค่นักฟุตบอลอาชีพ การนำทักษะบอลสตรีท มาประยุกต์ใช้กับ ฟุตบอลจริงๆอย่างน่าสนใจ
และ ที่สำคัญ มันใช้ได้จริงๆ มีประสิทธิผลจริงๆ ตัวเขาสามารถพลิกบอล จากการรุมคู่ต่อสู้ เลี้ยงกินตัวได้อย่างง่ายดาย แต่มันก็มีบางอย่างที่ทำให้ ไบรอันรู้สึกว่า เจ้าตัวทำอะไรก็ได้คล้ายสุดยอดนักเตะ แบบ Messi แต่ด้วยปัจจัยองค์ประกอบใด ที่ทำให้ เดอ ยอง ดูจะยังไม่สามารถแตะดวงดาว
ไบรอัน วิเคราะห์ ตามข้อมูลที่ได้เห้น และ อ่าน ทำให้ไบรอัน คิดว่านอกจากประสบการณ์ ที่ทำให้ เดอ ยอง ยังไม่สามารถเดินไปอยู่ในจุดของ Messi , Xavi ,Iniesta ได้ อาจเป็นเพราะทีมเวิร์ค ที่ยังไม่มีคนเข้าใจ แบบสามประสานที่กล่าวไปส่วนหนึ่ง
อีกประเด็น คือ ตอนที่เจ้าตัวมักแก้ปัญหาด้วยการใช้ทักษะ ที่มีเลี้ยงหนีตัวประกบ ทีเด็ดทีขาด ของการเอาความได้เปรียบนั้น ลงโทษคู่ต่อสู้
ดูจะยังไม่ถึงขั้นของ สามมหาเทพที่กล่าวไปก่อนนี้ นั่นหมายถึง หลายๆครั้ง เขาใช้วิธีเล่นไปคิดไป แต่การวางแผนเบ็ดเสร็จ จบตั้งแต่ก้าวแรกที่ทำ มันดูจะไม่มีความชัดเจน เท่าไรนัก
ส่งผลต่อเนื่องที่อาจทำให้ เพื่อนร่วมทีมตามไม่ทัน และ ไม่รู้ต้องทำอย่างไรใน สถานการณ์นั้นๆ หลายครั้งที่เขาหลุดเดียวไป แต่ เพื่อนร่วมทีมไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง ที่จะช่วยเหลือเขาได้ เพราะอาจจะเป็นตัวเขาเอง ที่ใช้ไหวพริบ แก้ปัญหาทันทีทันใด และ ที่สำคัญ มันนอกกรอบ นอกแบบแผนที่วางไว้
อิสระที่มีก็กลายเป็น เหมือนดาบสองคม ที่ทำให้การเล่นของเขา หวือหวา สวยงาม สีเสน่ห์ ได้ประสิทธิภาพตอนเริ่มต้น แต่มันกลับไม่ค่อยเห็นผล ในตอนปิดบัญชี เช่นการ เลี้ยงกินตัวพลิกจากหน้าเขตตนเอง ทะลุทะลวงไป จนเข้าแดนที่สามของฝั่งตรงข้าม แต่มักจะให้บอลขาดๆเกินๆ
หรือให้ไปเพื่อนไม่วิ่งไปในตำแหน่งที่เขาต้องการ หรือ เขาเองก็ให้บอลไปคนละช่อง กับที่เพื่อนวิ่งไป นี่ละมั้งปัญหาที่เขามักพูดกันถึงที่มักใช้คำว่า บอลไม่ทันกัน หรือ Sense ไม่ทันกันนั่นเอง คำนี้มันแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง
ประวัตินักฟุตบอล มันไม่ได้แปลว่า คนอื่นไอคิวต่ำ คนอื่นไหวพริบแย่
แต่มันกำลังหมายถึง เมื่อคนคนหนึ่ง มีจินตนาการ การใช้ไหวพริบในทางหนึ่ง เรื่องใดเรื่องหนึ่ง คนที่เข้ามามีส่วนร่วม มีความเข้าใจ และ สามารถเดาใจเพื่อนได้ว่า เขาน่าจะทำอะไรเป็นลำดับต่อไป
ซึ่งมันก็มีหลากหลายรูปแบบ เช่น มาจากการซ้อมอย่างหนัก การใช้เวลาเล่นด้วยกัน จนเกิดความเข้าใจไปในทิศทางเดียวกัน หรือ บางคนสามารถเชื่อมต่อกันติดได้โดย เพิ่งเล่นร่วมกันไม่กี่ครั้งก็มี แต่ตรงนี้ไม่ได้บอกว่า คนที่ช้ากว่า แปลว่า สมองเขาไม่ดี หรือ เขาไอคิวไม่ดี
หากสมมุติ เดอ ยอง มีการเล่นแบบพวกบราซิล อิสระทางความคิดสูง อาศัยเทคนิค เฉพาะตัวเข้ามา ซึ่งถ้าเพื่อนร่วมทีม เป้นแบบ ทีมชาติเยอรมัน ก็ย่อมจะยากที่จะเข้าด้วยกัน เพราะ อีกฝ่ายใช้การคิดไปทำไปแต่อีกฝ่าย ใช้วิธีการ ท่องจำ ทำซ้ำให้เกิดความชำนาญ และ มีวินัยสูง
มันก็ไม่ได้แปลว่า ใครเป็นฝ่ายผิด แต่มันกำลังบอกกับเราว่า เคมี ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ และ มันมีอยู่จริงๆ ซึ่งไม่ได้แปลว่า คนที่สังคมมองว่าเก่งกาจ มากมายสองคน เมื่อมาเล่นร่วมกันแล้ว จะมีแต่ความสมบูรณ์ และ น่ากลัว น่าเกรงขาม จนไม่น่าจะมีใครเอาชนะได้
สุดท้าย เดอ ยอง อาจต้องเรียนรู้เพิ่มเติม เรื่องการลดบางอย่างลงมา เพื่อเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมทีม ให้ได้มากกว่านี้ เขาอาาจะเก่งมาก แต่ฟุตบอลเล่นเป็นทีม หากคุณรู้ว่า เพื่อนยังตามไม่ทัน หรือ สามารถเข้าใจสิ่งที่คุณคิดได้ทัน อาจเป้นตัวคุณเองที่ต้องกลับมา ทบทวน คิดใหม่ทำใหม่ ว่าจะทำอย่างไรให้คนหมู่มาก
เล่นกับคุณได้ โดยไม่ใช่รอคนอื่นเข้ามาปรับหาคุณ ด้านเดียว มาถึงตรงนี้ คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธ ความสามารถ ของ เดอ ยอง ว่าเขาเก่งกาจจริงไหม แค่ไหน พิสูจน์ได้โดย ตอนนี้หลายสโมสร ก็รอจะชิงตัวเขาไปใช้งาน ถ้าเขาไม่คิดที่จะอยู่กับ เจ้าบุญทุ่ม ต่อไป
นั่นแปลว่า เดอ ยอง ไม่มีใครปฏิเสธ ความสามารถของเขา และ ตัวเขายังมีคุณค่า มีมูลค่ามหาศาล เพราะสิ่งที่เขาแสดง แม้จะไม่ได้ตามที่หลายคนคาดหวัง สูงลิบลิ่ว ตอนเขาเข้ามาอยู่ใน ทีมเจ้าบุญทุ่ม แต่ถึงกระนั้น ทีมใหญ๋ๆก็ยังคงจ้องตาเป็นมัน
เพราะขนาดฟอร์มเขาอาจจะไม่เรียกว่าดีสำหรับมาตรฐานของเขา แต่เมื่อเปรียบเทียบกับนักเตะอีกหลายคน มาตรฐานของเขา ถือว่าสูงกว่าอีกหลายคนอยู่ดี
ต้องบอกได้ว่า ณ ตอนนี้ ความกดดันของ เดอ ยอง ไม่ใช่การดิ้นรนให้อยู่แค่คำว่าผ่านมาตรฐานเขาข้ามจุดนั้นไปไกลแล้ว แต่ตอนนี้ มันเป็นเรื่องของการพิสูจน์ตนเอง ว่า เขาจะไปถึงระดับ ดาวค้างฟ้า แบบที่ยอดนักเตะหลายคน จารึกชื่อไว้ได้หรือไม่ นี่ก็คือปัจจัยหลักที่ทำให้ตัวเขา ยืนหยัดจะสู้ต่อ กับสนามที่มีชื่อว่า คัมป์ นู
สถานที่ที่ยอดนักเตะทุกคน ถูกจารึกให้จดจำเสมอ แต่มันไม่ใช่ว่าได้ทุกคน แต่หากคนไหนผ่านจุดนั้นไปได้ คนนั้นจะมีคำว่า ตลอดกาล แปะติดตรา ติดตัวไปจนสิ้นลมหายใจ วันนี้ Frenkie De Jong เฝ้ารอ และ สู้กับความท้าทายตรงนั้น มากกว่าเม็ดเงินที่มาล่อตาล่อใจเขา
“เด็กเนิร์ดสีส้ม”